วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ผู้ทำลายสถิติ 4 ทศวรรษ ด้วยการยิง 86 ประตูในปีเดียว



              ผู้ทำลายสถิติ 4 ทศวรรษ ด้วยการยิง 86 ประตูในปีเดียว
ใครจะเชื่อว่านี่คือผลงานของนักเตะผู้มีความสูงแค่ 169 เซนติเมตร ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าไม่น่าจะได้ค้าแข้งด้วยซ้ำ เพราะรูปร่างเล็กเกินไป เนื่องจากมีภาวะขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต แต่ยุคนี้จะหาใครมาหยุดกองหน้าฟอร์มฮ็อตที่พร้อมผลิตประตูทุกนัดอย่าง เมสซี่ ได้ยากเต็มทน และเราคงได้เห็นฟอร์มที่ไร้เทียมทาน รวมถึงการทำลายสถิติต่างๆจากเขาต่อไปอีกหลายปีแน่นอน



                                                              86 ประตูในปี 2012 ของ เมสซี่

   และแล้ว ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา จากสโมสร บาร์เซโลน่า ก็ประสบความสำเร็จและแสดงถึงความเก่งกาจเพิ่มขึ้นอีกขั้น เมื่อลบสถิติยิงประตูมากสุดใน 1 ปี ของ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานดาวยิงแห่งค่าย เอฟเซ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งไม่มีทำลายลงได้นานกว่า 40 ปี
                                           
                                                                มาราโดน่า - เมสซี 


                                  การยิงอีก 2 เม็ดในเกมกับ เบติส ทำให้ปี 2012 เมสซี่ ยิงไปแล้ว 86 ประตู

สถิติการพังตาข่ายของ เมสซี่ วัย 25 ปี แซงหน้า เปเล่ สุดยอดกองหน้าอีกราย ซึ่งเคยทำไว้มากสุดอันดับ 3 ตลอดกาล ด้วยจำนวน 75 ประตูให้ทั้งทีมชาติบราซิล และสโมสร ซานโตส เมื่อปี 1958 ตั้งแต่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และไม่ต้องรอนาน เมสซี่ ก็สามารถทำให้ มุลเลอร์ ผู้ทำ 85 ประตู กับทีมชาติเยอรมันตะวันตก รวมถึง บาเยิร์น ในปี 1972 หล่นมาเป็นอันดับ 2 ของนักเตะที่ยิงมากสุดในระยะเวลา 1 ปี ได้สำเร็จ จากการเหมาคนเดียวถึง 2 สกอร์ แมตช์บุกชนะ เรอัล เบติส 2-1 เมื่อ 9 ธันวาคม จนผลงานรวมตลอดปี 2012 ขยับเพิ่มไปเป็น 86 ประตู แถมยังมีโอกาสแตะหลัก 90 ลูกในปีเดียวอีกต่างหาก เพราะ บาร์ซ่า ยังเหลือโปรแกรมอีก 4 นัด คือการเตะ โคปา เดล เรย์ กับ กอร์โดบ้า (เยือน 12 ธ.ค., เหย้า 19 ธ.ค.) รวมทั้งทำศึกลา ลีกา สเปน ที่จะเฝ้าบ้านเจอ แอตเลติโก มาดริด (16 ธ.ค.) และเยือน เรอัล บายาโดลิด (22 ธ.ค.)
        สถิติการยิง 85 ประตูในปีเดียวของ แกร์ด มุลเลอร์ ถูกทำลายลงแล้ว หลังอยู่คงกระพันมา 4 ทศวรรษ


      ผลงานดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลก หากดูจากตัวเลขสุดยอด ยิง 23 ประตู เฉพาะการเตะลา ลีกา 15 นัดในฤดูกาลนี้ นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดแบบไร้ผู้เทียมทาน (อันดับ 2 คือ ราดาเมล ฟัลเกา ของ แอต.มาดริด ซัดไป 16 ประตู ถึงเกมล่าสุดกด 5 เม็ดก็ตาม) มีแค่ 4 แมตช์ที่ลงสนามแล้วเขายิงไม่ได้ ถ้าพังตาข่ายสำเร็จเมื่อไหร่ก็ถึง 2 สกอร์ทุกครั้ง แม้ทำแฮ็ตทริกเพียงหนเดียวเท่านั้น สำหรับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยิง 5 ประตูใน 6 นัด รายการนี้เมื่อฤดูกาลก่อน เมสซี่ เคยทำคนเดียว 5 ประตู เกมถล่ม ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซ่น ผู้มาเยือนจากเยอรมัน 7-1 มาแล้ว ก่อนขึ้นครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดศึกลา ลีกา 2011-12 ด้วยตัวเลขสถิติ 50 ประตู และเป็นผู้ยิงมากสุด 73 ประตูภายในฤดูกาลเดียว ประกอบด้วย ลา ลีกา 50, โคปา เดล เรย์ 3, ซูเปอร์โคปา 3, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 14 (สถิติสูงสุดตลอดกาลร่วม), ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คลับ 2 ลูก

              ช่วงต้นปี เมสซี่ เคยซัดแมตช์เดียว 5 ประตู ตอนถล่ม เลเวอร์คูเซ่น ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

     รวมแล้วปี 2012 เมสซี่ ยิงให้ บาร์เซโลน่า ไปแล้วมากถึง 74 ประตู (ในลีก 56, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 13, โคปา เดล เรย์ 3, ซูเปอร์โคปา 2) ไม่นับว่าซัดให้ทีมชาติอาร์เจนตินาไปอีก 12 ลูก (แมตช์อุ่นเครื่อง 7, ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก 5) ทำให้สถิติที่ถูกมองว่ายากต่อการทำลายของ มุลเลอร์ กลายเป็นอดีต โดยปี 1972 กองหน้าคนนี้ซัดให้ บาเยิร์น 72 ประตู (บุนเดสลีกา 42, ยูโรเปี้ยน คัพ 10, คัพวินเนอร์ส คัพ 1, เดเอฟเบ โพคาล 7, เดเอฟเบ ลีกาโพคาล 12) แถมพังตาข่ายให้ทีมชาติเยอรมันตะวันตก 13 ลูก (แมตช์อุ่นเครื่อง 8, ยูโร 1972 5) ปี 2012 ยังเป็นช่วงเวลาแห่งทองที่ เมสซี่ สามารถแซงหน้า เซซาร์ โรดริเกซ อัลบาเรซ ขึ้นไปเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในสังกัด บาร์เซโลน่า โดยสถิติ 232 ประตูของเขา ไม่มีใครทาบได้มานานถึง 57 ปี กระทั่งโดนทำลายลงหลังจากแข้งอาร์เจนไตน์ซัดแฮ็ตทริกแมตช์เจอ กรานาด้า เมื่อ 20 มีนาคม



รางวัลรองเท้าทองคำ เหมาะสมกับนักเตะที่ยิงประตูเป็นว่าเล่นอย่างเขาจริงๆ

ปัจจุบัน เมสซี่ ทำสกอร์ในสีเสื้อ บาร์เซโลน่า 283 ประตู ต่างชาติที่เคยยิงให้สโมสรแห่งนี้มากสุดคือ ลาซโล คูบาล่า ชาวฮังกาเรียน ก็ซัดได้แค่ 194 ลูก โดยผลงานของแข้งอาร์เจนไตน์แบ่งเป็นลา ลีกา 192 ประตู แซงหน้า เซซาร์ ไปแล้ว 2 มากกว่า คูบาล่า 61 ลูก ยังไม่เคยมีใครก่อนหน้าเขาในการยิงให้สโมสรต้นสังกัดปีเดียวถึง 74 ประตู (มุลเลอร์ ทำได้แค่ 72) และหากยังรักษาฟอร์มเดิมไว้ นอกจากช่วย บาร์เซโลน่า คว้าถ้วยรางวัลเพิ่มขึ้น (ล่าสุดเป็นการออกสตาร์ทลา ลีกา ดีสุดในประวัติศาสตร์ ชนะ 14 เสมอ 1) เราอาจได้เห็น เมสซี่ เป็นคนแรกที่ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 ปีติดต่อกัน เพราะตอนนี้อยู่อันดับ 3 ร่วม ตามหลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คู่อริจาก เรอัล มาดริด กับ บูรัค ยิลมาซ แห่ง กาลาตาซาราย (คนละ 6 ประตู) อยู่อีก 1 ลูก ไม่นับว่าเจ้าตัวมีลุ้นเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของโลก 4 สมัยซ้อน และดาวยิงสูงสุดลีกเมืองกระทิงอยู่แล้ว



การแข่งขันระดับทีมชาติของเมสซี่

                         Argentina 4-0 Albania Highlights Friendly 20/06/2011 [HD] 








การแข่งขันระดับทีมชาติ


ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2004 เขาลงแข่งในฐานะทีมชาติอาร์เจนตินา โดยเล่นในชุดอายุไม่เกิน 20 ปีในนัดกระชับมิตรเจอกับทีมชาติปารากวัย[162] ในปี ค.ศ. 2005 เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะในฟีฟ่าเวิลด์ยูทแชมเปียนชิป ที่จัดขึ้นที่เนเธอร์แลนด์ โดยเขาได้รับรางวัลลูกบอลทองคำและรองเท้าทองคำ[163] เขายิงประตูใน 4 นัดสุดท้ายของอาร์เจนตินา รวมยิงได้ 6 ประตูในการแข่งขัน

เขาลงแข่งในฐานะทีมชาติเต็มตัวเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2005 ในนัดเจอกับฮังการี เมื่อเขาอายุ 18 ปี เขาถูกส่งเปลี่ยนตัวลงสนามในนาทีที่ 63 แต่ก็ถูกผู้ตัดสินมาร์คุส แมร์ค ไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 65 เนื่องจากเมสซีโขกหัวกับกองหลัง วิลมอช วอนซัก (Vilmos Vanczák) ที่พยายามดึงเสื้อเมสซี การตัดสินครั้งนี้ทำให้เป็นข้อถกเถียงกันและมาราโดนา ก็กล่าวถึงการตัดสินว่าผู้ตัดสินมีเจตนาล่วงหน้า[164][165] เมสซีกลับมาเล่นอีกครั้งในวันที่ 3 กันยายน ในรอบคัดเลือกที่อาร์เจนตินาไปเยือนปารากวัยและได้ชัยชนะมา 10 หลังจากนัดนี้เขาออกมาว่า นี่ถือเป็นนัดเปิดตัวอีกครั้ง ครั้งแรกถือว่าค่อนข้างสั้นไป[166] จากนั้นก็ลงแข่งกับเปรู หลังจากนัดนี้โคเซ เปเกร์มัน พูดถึงเมสซีว่า "คือ อัญมณี"[167]

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 2009 ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกที่เจอกับเวเนซุเอลา เมสซีสวมเสื้อเบอร์ 10 เป็นครั้งแรกให้กับอาร์เจนตินา ในนัดนี้เป็นนัดแรกอย่างเป็นทางการของผู้จัดการทีม เดียโก มาราโดนา อาร์เจนตินาชนะ 40 โดยเมสซีเป็นผู้ทำประตูแรก[168]

วันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 เมสซียิงประตูในนาทีสุดท้ายที่แข่งกับคู่ปรับสำคัญ บราซิล ทำให้ทีมชนะ 10 ในนัดกระชับมิตรครั้งนี้ที่แข่งกับที่เมืองโดฮา ถือเป็นครั้งแรกที่เขายิงประตูบราซิลในฐานะทีมชาติรุ่นใหญ่[169] เมสซียิงอีกประตูในนาทีสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 ในนัดแข่งกับโปรตุเกส โดยยิงจุดโทษ ทำให้อาร์เจนตินาชนะ 21 ในนัดกระชับมิตรที่จัดขึ้นที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์


                                                             ทีมชาติอาร์เจนตินา

ฟุตบอลโลก 2006

อาการบาดเจ็บของเมสซีทำให้เขาไม่ได้ลงใน 2 เดือนท้ายสุดของฤดูกาล 200506 ซึ่งทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2006 นัก แต่อย่างไรก็ตามเมสซีก็ยังได้รับเลือกให้ลงเล่นในชุดทีมชาติอาร์เจนตินาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 เขายังลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศให้กับอาร์เจนตินาชุดอายุไม่เกิน 20 ปี อยู่ 15 นาทีและนัดกระชับมิตรที่เจอกับแองโกลา ตั้งแต่นาทีที่ 64[170][171] เขานั่งอยู่บนม้านั่งสำรองในนัดที่อาร์เจนตินาชนะต่อโกตดิวัวร์[172] ในนัดถัดมาที่เจอกับเซอร์เบียและมอนเตเนโกร เมสซีถือเป็นนักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินาที่อายุน้อยที่สุดที่ลงแข่งในฟุตบอลโลกเมื่อเขาออกมาแทนมักซี โรดรีเกซในนาทีที่ 74 เขาช่วงส่งประตูยิงให้กับเอร์นัน เกรสโปในไม่กี่นาทีหลังจากที่เขาลงสนามและยังช่วยยิงประตูในชัยชนะ 60 ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดในฟุตบอลโลก 2006 ที่ยิงประตูได้และเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดอันดับ 6 ที่ยิงประตูได้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก[173]

ในนัดถัดมาเมสซีลงในการแข่งขันที่เสมอกับเนเธอร์แลนด์ 00[174] ต่อมาเจอกับเม็กซิโก โดยเมสซีลงเปลี่ยนตัวแทนในนาทีที่ 84 ในนัดนี้เสมอ 11 เขาสามารถยิงประตูได้แต่ก็ล้ำหน้า แต่อาร์เจนตินายิงประตูได้ในการต่อเวลาพิเศษ[175][176] ผู้ฝึกสอน โคเซ เปเกร์มันให้เมสซีนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรองในการแข่งขันรอบก่อนชิงชนะเลิศที่เจอกับเยอรมนี ที่พวกเขาแพ้ 42 ในการดวลจุดโทษ[177]


โคปาอเมริกา 2007


                                                              เมสซีในการแข่งขันโคปาอเมริกา 2007

เมสซีลงเล่นเกมแรกของโคปาอเมริกา 2007 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2007 เมื่ออาร์เจนตินาชนะสหรัฐอเมริกา 41 ในเกมแรก โดยเขาได้แสดงความสามารถในฐานะเพลย์เมกเกอร์ เขาตั้งลูกทำประตูให้กับเพื่อนร่วมทีม เอร์นัน เกรสโปรและยิงเข้ากรอบหลายลูก เตเบซลงมาแทนเมสซีในนาทีที่ 79 และยิงประตูในอีกไม่กี่นาทีต่อมา[178]

นัดที่ 2 ของเขาแข่งกับโคลอมเบีย ที่เขาได้รับจุดโทษ ทำให้เกรสโปยิงตีเสมอ 11 เขายังเป็นส่วนหนึ่งของประตูที่ 2 ของอาร์เจนตินา โดยเขาได้ถูกทำฟาวล์นอกเขตโทษ ทำให้ควน โรมัน รีเกลเม ทำประตูได้จากลูกฟรีคิก และทำให้อาร์เจนตินานำเป็น 31 และจบประตูสุดท้ายของเกมที่ 42 ทำให้มั่นใจได้ว่าอาร์เจนตินาเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศแน่นอน[179]

ในนัดที่ 3 แข่งกับปารากวัย โค้ชให้เมสซีพักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยเขาได้ออกจากม้านั่งสำรองแทนเอสเตบัน กัมเบียสโซ ในนาทีที่ 64 กับประตูในขณะนั้นที่ 00 ต่อมาในนาทีที่ 79 เขาช่วยส่งลูกยิงประตูให้กับคาเบียร์ มาเชราโน[180] ในรอบรองชนะเลิศ แข่งกับเปรู เมสซียิงประตูที่ 2 ของเกมจากการส่งของรีเกลเม โดยจบที่ชัยชนะ 40[181] ในรอบรองชนะเลิศที่แข่งกับเม็กซิโก เมสซียิงลูกโด่งข้ามโอสวัลโด ซานเชซ ทำให้อาร์เจนตินาชนะ 30 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ[182] แต่อาร์เจนตินาก็แพ้ 30 ในนัดชิงชนะเลิศกับบราซิล[183]

โอลิมปิกฤดูร้อน 2008

                                      เมสซีในรอบก่อนชิงชนะเลิศ แข่งกับบราซิลในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008
            เมสซีถูกห้ามเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินาระหว่างเกมในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008[184] แต่ท้ายสุด
บาร์เซโลนาตกลงว่าปล่อยเขาให้เล่นหลังจากได้จัดการพูดคุยกับ โค้ชคนใหม่ ชูเซบ กวาร์ดีโอลา[185] เขาลงเล่นกับทีมชาติอาร์เจนตินาและทำประตูแรกในประตู 21 ที่ชนะโกตดิวัวร์[185] จากนั้นยิงประตูเปิดเกมและช่วยส่งลูกยิงให้กับอังเคล ดิ มาเรียในประตูที่ 2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้ทีมชนะเนเธอร์แลนด์ 21[186] เขายิงลงแข่งในนัดพบกับคู่ปรับ บราซิล ที่อาร์เจนตินาชนะ 30 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ในนัดชิงเหรียญทอง เมสซีช่วยส่งลูกอีกครั้งให้กับดิ มาเรีย ในประตูเดียวของเกม 10 ทำให้ทีมชนะไนจีเรีย[187]

ฟุตบอลโลก 2010

                                          เมสซีในชุดทีมชาติอาร์เจนตินา ลงเล่นเจอกับ ทีมชาติเยอรมนี
เมสซีลงแข่งตลอดเกมในนัดแรกที่อาร์เจนตินาพบกับไนจีเรีย ชนะไป 10 เขามีโอกาสในการทำประตูหลายครั้ง แต่วินเซนต์ เอนเยมา ก็รักษาประตูไว้ได้[188] เมสซีลงแข่งในนัดเจอกับเกาหลีใต้ ชนะด้วยประตู 41 โดยเขามีส่วนร่วมในการทำประตูทุกประตูของทีม และช่วยกอนซาโล อีกวาอินยิงแฮตทริก[189] ในนัดที่ 3 และนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เมสซีนำทีมอาร์เจนตินาชนะกรีซ และเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นแห่งนัด[190]
ในรอบ 16 ทีม เขาช่วยส่งลูกยิงประตูให้กับการ์โลส เตเบซ ในประตูแรกที่อาร์เจนตินาชนะเม็กซิโก 31 ผู้ตัดสินให้ประตูถึงแม้ว่าจะไม่กระจ่างว่าล้ำหน้าหรือไม่[191] อาร์เจนตินาจบการแข่งขันในฟุตบอลครั้งนี้ด้วยการแพ้ให้กับเยอรมนี 40[192]

โคปาอเมริกา 2011

เขาเป็นส่วนหนึ่งในทีมชาติอาร์เจนตินาในการแข่งขันโคปาอเมริกา 2011 เขาไม่สามารถยิงประตูได้แต่ช่วยส่งยิงประตู 3 ประตู เขาได้รับเลือกเป็นผู้เล่นแห่งนัดในนัดแข่งกันโบลิเวีย (11) และคอสตาริกา (30) อาร์เจนตินาเสมอกับโคลอมเบียและตกรอบเมื่อเจอกับอุรุกวัยจากการดวลลูกโทษ โดยเมสซีดวลจุดโทษเป็นคนแรก

ด้านอื่น

        ชีวิตส่วนตัว

เมสซีคบหากับมาซาเรนา เลโมส ที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันที่โรซารีโอ กล่าวกันว่าทั้งคู่รู้จักกันจากการแนะนำของพ่อของฝ่ายหญิง เมื่อครั้งที่เขากลับมารักษาตัวจากการบาดเจ็บในโรซารีโอ ไม่กี่วันก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006[193][194] เขาเคยมีความสัมพันธ์กับนางแบบชาวอาร์เจนตินา ลูเซียนา ซาลาซาร์[195][196] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 เขาบอกทางรายการ "แฮตทริกบาร์ซา" ช่องกานัล 33 ว่า "ผมมีแฟนสาวและเธออยู่ที่อาร์เจนตินา ผมรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข"[196] นอกจากนั้นยังพบเมสซีกับหญิงสาวอีกคนชื่อ อันโตเนลลา รอกกุซโซ[197] ที่งานในเมืองซิดเจส หลังจากนัดการแข่งขันดาร์บี บาร์เซโลนา-เอสปันยอล รอกกุซโซเป็นชาวโรซารีโอเช่นกัน[198]
เมสซีมีลูกพี่ลูกน้อง 2 คนในวงการฟุตบอล คนหนึ่งคือ มักซี ปีกของสโมสรกลุบโอลิมเปียในปารากวัย และเอมานวยล์ เบียนกุชชี เล่นเป็นกองกลางให้กับสโมสรฟุตบอลคีโรนาของสเปน[199][200]

         งานการกุศล

ในปี ค.ศ. 2007 เมสซีได้ก่อตั้งมูลนิธิเลโอเมสซี ที่ช่วยเหลือการกุศลได้ด้านการศึกษาและสุขภาพให้กับเด็กผู้ด้อยโอกาส[201][202] ในบทสัมภาษณ์เว็บแฟนไซต์ เมสซีกล่าวว่า "การมีชื่อเสียงเล็กน้อย ทำให้ผมได้มีโอกาสที่จะช่วยเหลือคนที่ต้องการจริง ๆ โดยเฉพาะเด็ก ๆ"[203] และเพื่อตอบสนองต่ออุปสรรคด้านการแพทย์ในวัยเด็กของเขา มูลนิธิเลโอเมสซี ได้สนับสนุนการช่วยเหลือกับเด็กอาร์เจนตินาที่ได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่มีความยุ่งยากด้านการรักษา โดยเสนอการรักษาในสเปนและออกค่าใช้จ่ายการเดินทาง การพยาบาล และการฟื้นฟู[204] มูลนิธิของเมสซีได้รับเงินจากกิจกรรมการหารายได้ของเขาเอง และความช่วยเหลือจากเฮอร์บอไลฟ์
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2010 เมสซีได้รับเป็นทูตสันถวไมตรีจากยูนิเซฟ[205] โดยจุดประสงค์การทำงานของเขาเพื่อสนับสนุนสิทธิของเด็ก เมสซีได้รับการสนับสนุนจากสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาซึ่งทำงานร่วมกับยูนิเซฟ[206]

    สื่อ

เขาปรากฏบนปกของวิดีโอเกมอย่าง โปรเอโวลูชันซอกเกอร์ 2009 และ โปรเอโวลูชันซอกเกอร์ 2011 และยังเกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์เกมนี้ด้วย[207] เมสซีและเฟร์นันโด ตอร์เรส[208] อยู่บนปกของ โปรเอโวลูชันซอกเกอร์ 2010 และยังปรากฏในเทรลเลอร์ภาพเคลื่อนไหวของเกม[209][210][211] เมสซีได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชุดกีฬาเยอรมัน อาดิดาส ซึ่งเขาก็ปรากฏอยู่บนภาพยนตร์โฆษณา[212] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 เมสซีเซ็นสัญญา 3 ปีกับเฮอร์บอไลฟ์[213] ซึ่งสนับสนุนการช่วยเหลือมูลนิธิเลโอเมสซี
 
สถิติทีมชาติ

ทีมชาติ
ปี
ลงแข่ง
ประตู
ช่วยทำประตู
2005
5
0
0
2006
7
2
1
2007
13
6
3
2008
8
2
1
2009
10
3
2
2010
10
2
2
2011
9
2
10
2012
1
3
รวม
68
22